web hosting เป็นผู้ให้บริการเอกชนสำหรับนักธุรกิจออนไลน์ที่จำเป็นต้องมีพื้นที่ทำเว็บไซต์ ซึ่งจะมีการคิดค่าบริการเช่าพื้นที่รายเดือน โดยจะมีส่วนของสิทธิประโยชน์พื้นฐานต่างๆ ได้แก่
1. มีบริการเซิร์ฟเวอร์ ที่ทำหน้าที่ในการเก็บและส่งผ่านข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซต์ โดยจะมีการใช้งานซอฟต์แวร์ที่เป็นที่รู้จักกันดี เช่น Apache Nginx Webserver และ IIS Webserver เป็นต้น
2. บริการฐานข้อมูล หรือ database เช่น ระบบ MySQL Database และ SQL SERVER เป็นต้น
3. ให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ในระบบโดยส่งผ่านระบบ ftp หรือ file Transfer protocol
4. มีระบบการรับส่งอีเมลภายใต้ชื่อของระบบ hosting เพื่อดูแลงานด้านหลังบ้าน
องค์ประกอบที่กล่าวมาทั้ง 4 ส่วนนี้ เป็นสิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์จะได้รับเมื่อเช่า Hosting แต่จะมีความราบรื่นในการใช้งานแตกต่างกันตามชนิด Hosting ที่เลือก เช่น
1. Shared Hosting
เป็นการแชร์ Server ร่วมกันระหว่างหลาย ๆ เว็บไซต์จึงทำให้อาจจะมีการใช้งาน Server ช้าในบางช่วง เพราะมีการแย่งทรัพยากรในระบบพร้อมกัน จึงเสี่ยงต่อการมีปัญหาเว็บล่มได้ แต่ก็มีข้อดีคือ มีค่าใช้บริการประหยัดที่สุดและใช้งานได้ง่ายที่สุด เหมาะกับนักธุรกิจออนไลน์มือใหม่หรือทำการค้าออนไลน์ในระยะแรก ๆ
2. VPS hosting
ทางบริษัทจะมีการจำลองระบบเสมือนแยกออกมาจากเซิร์ฟเวอร์ 1 ชุด เพื่อแชร์ข้อมูลร่วมกันระหว่างเว็บไซต์เพียงแค่บางส่วน จะลดความเสี่ยงต่อการทำให้เว็บไซต์ล่มได้มากขึ้น ระบบจะมีความเสถียรในการทำงานมากขึ้น แต่ก็ทำให้เจ้าของเว็บไซต์ที่เลือก VPS hosting มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าแบบ Shared Hosting เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางหรือผู้ที่ประสบปัญหาเว็บไซต์ล่มง่ายจากการใช้บริการ Shared Hosting
3. Dedicated Hosting
เป็นระบบที่ไม่มีการแบ่งปันข้อมูลกับเว็บไซต์อื่น เรียกได้ว่าจะมีความเสถียรภาพสูงที่สุด กรณีที่จะมีปัญหามักเกิดจากส่วนของ hardware ที่นับได้ว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก ที่สำคัญคือ สามารถทำงานเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตที่มีความไวสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เรียกว่า Dedicated Hosting เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูง เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นแบบที่มีราคาค่าบริการแพงที่สุดด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่า นอกจากผู้ทำเว็บไซต์ออนไลน์ต้องทำความเข้าใจในเรื่องของสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการศึกษาเทคนิค SEO เพื่อให้เว็บไซต์มีอันดับอยู่ในหน้าต่างการสืบค้นที่ดีและเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์แล้ว ยังต้องเลือก hosting ที่ให้บริการสัมพันธ์กับธุรกิจที่ทำ เพื่อให้มีความราบรื่นในการดูแลข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซต์และทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีความประทับใจในการใช้งานเสมอ ไม่ประสบปัญหาเว็บล่มหรือมีการสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ ล่าช้า จึงจะทำให้ธุรกิจออนไลน์สามารถเติบโตได้ต่อไป